วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

วันแห่งความรัก

วันแห่งความรัก

14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเป็นวันแห่งความรัก และมีค่านิยมบางอย่างของวัยรุ่นบางคนที่ใช้วันแห่งความรักเป็นวันแห่งการ "เสียตัว" หรือการมีเพศสัมพันธ์


ซึ่งในสังคมไทยหรืออีกหลายประเทศถือว่ายังเป็นช่วงวัยที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร เป็นปัญหาที่สร้างความหนักอกให้กับบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งกับค่านิยมดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายโดยเฉพาะปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและจิตเวชที่หลายคนไม่อาจคาดเดาได้

บทความที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่นของประเทศไทย คือท่าน ศ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ ที่ได้กรุณาทีมงานกรมสุขภาพจิต มอบบทความอันทรงคุณค่าสำหรับประชาชนหลายคนที่สนใจติดตามบทความของอาจารย์อย่างมากมาย ทางเวปป์ไซด์กรมสุขภาพจิต (ซึ่งดูได้จากเรตติ้งการอ่านสูงสุดอันดับต้นๆหลายบทความ) สำหรับนำเสนอต่อประชาชนที่สนใจข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพจิตและจิตเวช เรื่อง "วัยรุ่น กับ การมีเพศสัมพันธ์"

เพศสัมพันธ์ เป็นคำที่ต่างเพศต่างวัยต่างสถานการณ์ ฟังแล้วรู้สึกไปได้หลายแบบหลายอย่างจนแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา เป็นเรื่องที่คู่กับคนมาตั้งแต่มีคนเกิดขึ้นในโลกนี้คู่แรก จนขณะนี้คนก็สืบพันธุ์แพร่ขยายจนพลเมืองโลกมีประมาณ 6 พันล้านแล้ว ทำไมเพศสัมพันธ์จึงยังเป็นอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือทำไมคนทั้งโลกจำนวนไม่น้อยเลยยังไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจทุกข์กาย หรือเหตุใดคนจำนวนหนึ่งยังคงมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่เหมาะสม คือไม่เพียงแต่จะทำความเดือดร้อนใจและกายอย่างแสนสาหัส เหมือนแต่โบราณมาเท่านั่น เพศสัมพันธ์ในปัจจุบันยังอาจนำไปสู่ความตายได้ เช่น ตายจากโรคเอดส์ ตายจากการฆ่ากันด้วยความแค้น ความหึงหวง ความตาย! ใครๆ ก็กลัว ใครๆ ก็ไม่อยากตาย ทุกคนจึงน่าจะหันมาสนใจเรื่องเพศสัมพันธ์ให้มากจะได้ไม่เดือดร้อน จะได้ไม่ต้องตายโดยไม่จำเป็น เพราะทุกชีวิตที่เกิดมาแล้วกว่าจะฝ่าฟันชีวิตจนโตพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ก็นับว่าเป็นชีวิตที่แสนจะมีค่า เราจึงต้องทะนุถนอมชีวิตและจิตใจของเราเองเพื่อตัวเรา เพื่อคนที่เรารัก และเพื่อคนที่รักเรา และเพื่อคนที่รักเราด้วยจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีงามและสบายใจด้วยกันทั้งหมด

ผู้เขียนเป็นจิตแพทย์จึงมีโอกาสพบเห็นวัยรุ่นที่เดือดร้อนจากเรื่องเพศสัมพันธ์มาเล่าให้ฟัง เช่น

วัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเรียนอยู่ ปวช. ปีสุดท้ายได้กินยาจำนวนมากเพื่อฆ่าตัวตาย หนีปัญหาชีวิตเพราะความเครียดจัด และมองไม่เห็นทางออกอย่างอื่น คงโชคดีสักนิดที่วิธีฆ่าตัวตายไม่รุนแรง แพทย์จึงช่วยชีวิตไว้ได้เพราะยาที่กินบังเอิญสามารถแก้ฤทธิ์ได้ แต่ยาบางชนิดที่กินโดยผู้พยายามฆ่าตัวตายบางคนแพทย์จะช่วยไม่ได้ ผู้เขียนจึงถูกตามเพื่อช่วยแก้ปัญหาของเด็กสาวผู้นี้ ไม่เช่นนั้นถ้าแพทย์ปล่อยให้เธอกลับบ้านทั้งๆ ที่ยังแบกปัญหาอยู่ เด็กสาวผู้นี้อาจกลับไปฆ่าตัวตายซ้ำอีกได้

จากการสัมภาษณ์พูดคุยพบว่า วัยรุ่นผู้นี้ท้องถึง 6 เดือนกว่าแล้ว แฟนหนุ่มซึ่งเป็นนักเรียนเช่นกันไม่ยอมรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทำตัวหายหน้าหายตาไปเลย หลบเลี่ยงไม่ยอมมาพบเจอทั้งสิ้น ฝ่ายหญิงก็พยายามหาทางออกโดยบุกบั่นไปถึงบ้านพ่อแม่ของแฟนหวังพึ่งผู้ใหญ่ให้ช่วยแก้ปัญหา แต่เธอกลับได้รับความช้ำใจยิ่งนัก เพราะพ่อแม่แฟนกลับบอกว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอท้องกับลูกชายของเขา เธออาจไปท้องกับใครมาก็ได้แล้วจะมาให้ลูกชายเขารับเป็นพ่อ เธอจึงเสียใจมากที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม ในที่สุดท้องก็โตขึ้นทุกวันไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจนำเรื่องไปปรึกษาพ่อแม่ตัวเอง พ่อแม่ของเธอก็เช่นกันไม่เป็นที่พึ่งได้กลับด่าว่าลูกสาวตัวเองมากมาย เช่น แม่ว่าส่งให้เรียนหนังสือ ทำไมใจง่ายไปเที่ยวนอนกับผู้ชายจนท้อง ไม่รักดี ใจง่าย โง่ ปล่อยให้ผู้ชายหลอก ฟันเล่นๆ แล้วสลัดทิ้งแบบไม่ใยดี แบบไม่มีค่าอะไรเลย พร้อมบอกว่าพ่อแม่ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ผูกเองก็แก้เอง ถ้าปล่อยให้ท้องก็ไม่ต้องเรียนหนังสือต่อแล้ว พ่อแม่จะไม่ส่งเรียนต่อ ถ้าจะเรียนก็ต้องไม่ท้อง พ่อแม่เองก็ฐานะไม่ดีมากเงินทองก็มีจำกัด ถ้าปล่อยให้ท้องต่อก็ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงหลานให้ คือไม่ต้องการเด็กในท้องอย่างแน่นอน

วัยรุ่นสาวผู้นี้อายุยังไม่ครบยี่สิบปี ยังมีความอ่อนต่อโลกมากนัก เมื่อพบความเครียด ความทุกข์ ปัญหาหนักขนาดนี้ หันหน้าไปไหนก็ไม่มีใครช่วย แม้กระทั่งพ่อแม่ตัวเองก็ไม่ช่วย จึงรู้สึกสับสน เสียใจ ผิดหวังซ้ำซ้อน ไม่มีทางออกจึงคิดจบปัญหาด้วยความตายนั่นเอง เพราะจะไปทำแท้งก็ไม่มีเงินพอ อีกทั้งท้องก็มีอายุมากเกินกว่าจะทำแท้งได้แล้ว อันตรายเกินไป

จิตแพทย์ฟังแล้วสามารถเข้าใจถึงความกดดันที่เด็กสาววัยรุ่นผู้นี้ได้รับ จึงคิดปรึกษาหาทางออกด้วยกันว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำลายชีวิตตัวเองและลูกเพื่อแก้ปัญหา เพราะมีมูลนิธิที่สังคมได้ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ เธอสามารถไปอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งคลอดลูก แล้วทางมูลนิธิจะรับเลี้ยงลูกให้จนกระทั่งหาพ่อแม่ที่จะมารับไปเป็นลูกบุญธรรมต่อไป ส่วนตัวแม่เองหลังคลอดพักฟื้นแล้วก็สามารถกลับไปเรียนต่อจนจบได้ เรื่องจึงลงเอยได้ด้วยดีพอประมาณ แต่วัยรุ่นทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่เหมาะสมอาจประสบชะตากรรมร้ายแรงกว่าคนนี้ เช่น พอพบว่าท้องก็ไปพยายามทำแท้งกับหมอเถื่อน ซึ่งมีโอกาสจะติดเชื้อโรคแล้วตายจากการติดเชื้อ ซึ่งพบอยู่เป็นประจำเพราะหมอเถือนเขาทำไม่ถูกต้องเครื่องมือก็สกปรก บางครั้งก็ทำมดลูกทะลุก็มี น่ากลัวจริงๆ

วัยรุ่นตัวอย่างที่หมอเล่าให้ฟังนี้ ไม่ใช่จะพ้นปัญหาไปอย่างไม่เหลืออะไรติดค้างในใจเพราะลึกๆ เขาอาจรู้สึกบาป ที่ได้ทอดทิ้งลูกตัวเองไป อาจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ฉะนั้นในอนาคตถ้าชีวิตต้องเผชิญอะไรไม่ดี เธออาจคิดผูกโยงมากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ว่า เพราะเธอทำบาปไว้จึงต้องประสบชะตากรรมไม่ดี คิดในทำนองกรรมตามสนอง แม้ในการให้คำปรึกษา จิตแพทย์จะพยายามให้ความคิดเหล่านี้ไม่ตกค้างต่อไป เช่น พูดว่าความผิดพลาดของชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ และการแก้ปัญหานั้นก็ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้ว ลูกที่มีคนรับไปเลี้ยง เขาก็จะมีชีวิตที่ดีกว่า เพราะเราไม่พร้อมจะเลี้ยงเขา และเขาไม่เป็นที่ยอมรับของปู่ย่าตายายและพ่อของตัวเอง จึงน่าจะปล่อยเขาไปมีชีวิตที่ดีกว่ากับคนที่พร้อมกว่า กับคนที่ยอมรับเขาและรักเขา แม่ที่ยกลูกให้คนอื่นมักจะยังมีความทรงจำเรื่องนี้อยู่ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะลืมเรื่องราวเหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้นได้ แต่จะทำใจได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่อง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะดีกว่ามาก จะได้ไม่มีตราบาปในใจไปตลอดชีวิต

เรื่องวัยรุ่นสาวท้องไม่มีพ่อ ท้องตอนเป็นนักเรียน หรือท้องโดยยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่หมอจำความได้ จนบัดนี้ทำงานมาหลายสิบปี เรื่องแบบนี้ก็ยังเกิดขึ้นตลอดเวลาในสังคม เกิดขึ้นจนพ่อแม่กลัว พ่อแม่บางคนกลัวมากไปพลอยทำให้ลูกสาวเดือดร้อน ขาดโอกาสในชีวิตไปเลยก็มี เช่น

ญาติรุ่นพี่ของหมอคนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นคนหัวดีเรียนเก่ง แต่พ่อแม่ไม่ยอมให้มาเรียนต่อกรุงเทพฯ ด้วยกลัวลูกสาวจะมาเสียคนเพราะห่างไกลพ่อแม่ เนื่องจากลูกสาวข้างบ้านมาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วก็มาท้องตอนเป็นนักเรียนนี่แหละที่ทำให้เขากลัวญาติผู้นี้ของหมอเลยหมดโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้ชีวิตแบบหญิงชาวบ้านที่จบประถม 4 คือต่อมาก็แต่งงานมีลูกเลี้ยงลูกไปทำงานบ้านไป ชีวิตของเขาต้องขึ้นอยู่กับสามีและลูก ถ้าสามีและลูกดีชีวิตก็ดีไม่มีปัญหา ถ้าเจอสามีและลูกไม่ดีก็ต้องช้ำใจ ไม่มีทางเลือกอื่นเหลือไว้ให้มากนัก

คำถามจึงมีอยู่ว่า ทำไมเรื่องแบบนี้จึงเกิดแล้วเกิดอีก ป้องกันไม่ได้เลยหรือเรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่ ไม่ใช่แน่ เรื่องเพศสัมพันธ์ก็เหมือนดาบสองคม ใช้เป็นจะดี ให้ความสุข ใช้ไม่เป็นจะเป็นทุกข์เหมือนโดนมีดบาด ดังนั้นเรื่องนี้คงเกิดจากความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ การรู้ไม่เท่าทันโลกของทั้งวัยรุ่นชายและหญิง เพราะสังคมของเราไม่มีการเรียนรู้เรื่องเพศให้เป็นกิจจะลักษณะ ไม่มีการให้เพศศึกษาที่ถูกต้องให้เด็กโตขึ้นมาไปเรียนรู้เอาเองตามยถากรรม ผิดๆ ถูกๆ ตามเรื่องตามราว จึงเกิดเรื่องได้บ่อยๆ วัยรุ่นที่อยู่ห่างไกลสายตาพ่อแม่จึงมีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าวัยรุ่นที่พ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด ซึ่งก็อาจใกล้ชิดจนวัยรุ่นอึดอัดจนอกจะแตกได้เช่นกัน

การให้ความรู้กับลูกเรื่องเพศจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้ตั้งแต่เด็กเลย (ขอเชิญผู้สนใจหาอ่านได้จากหนังสือของหมอชื่อ เลี้ยงลูกถูกวิธีชีวีเป็นสุข ในบท สอนลูกเรื่องเพศ) แต่ในที่นี้จะพูดเฉพาะในวัยรุ่น

ข้อมูลจาก: ศ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ/จากหนังสือคู่มือ เลี้ยงลูกถูกวิธีชีวีเป็นสุข

http://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=1057

 


--

ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ 
ข้อสอบครูผู้ช่วย,สอบบรรจุครูผู้ช่วย,แนวข้อสอบครูผู้ช่วย,สอบครูผู้ช่วย,แนวข้อสอบครูผู้ช่วย,ครูผู้ช่วย,ข้อสอบบรรจุครู,ข้อสอบครูชำนาญการพิเศษ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น